ภูมิภาคอาเซียนมีความก้าวหน้าอย่างมากในทางดิจิตอล เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Version ใหม่ของอินเทอร์เน็ตคือ Web3 เมื่อเทคโนโลยีใหม่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจที่ใช้ในบล็อกเชน ปัจจุบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเตรียมที่จะใช้ประโยชน์จาก Web3 อย่างรวดเร็ว
Web3 คืออะไร
เป็นเวลาหลายปีที่อินเทอร์เน็ตได้ใช้งาน Version ที่ 2 ของ World Wide Web หรือที่เรียกว่า Web2 ทำให้อีคอมเมิร์ซเติบโต, เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนเชื่อมโยงกัน, เพลิดเพลินกับความบันเทิง และดำเนินธุรกิจ Web2 อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาขึ้นและเปลี่ยนจากโครงสร้างคงที่แบบอ่านอย่างเดียวไปเป็นรูปแบบที่โต้ตอบกันได้ อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันที่ใช้นั้นยังเป็นของบริษัทหรือเอกชน และกำหนดให้ผู้ใช้ต้องมอบข้อมูลของตนให้กับบริษัทเหล่านี้
Web3 เปลี่ยนแปลงและขยายโอกาสการเป็นเจ้าของโดยเปิดกว้างขึ้นและมีความปลอดภัยของข้อมูลผ่านการจัดเก็บแบบกระจายอำนาจ และจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจ และควบคุมสินทรัพย์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองได้มากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่บล็อกเชนได้นำมาใช้จริงสำหรับการดำเนินงานของ Cryptocurrency และ Fintech
ประโยชน์ของ Web3
แม้ว่าจะยังคงมีความกังขาอยู่บ้างเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อทุกด้านของอินเทอร์เน็ตและอุตสาหกรรม
มีความคล้ายคลึงกันระหว่างเทคโนโลยีของ Cryptocurrency และ Web3 มันเป็นเทคโนโลยีที่สนับสนุนบล็อกเชนนี้และส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีทางการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก
ในทำนองเดียวกันอินเทอร์เน็ตใหม่นี้ถูกเตรียมไว้เพื่อการปรับปรุงกระบวนการออนไลน์จำนวนมากและยกระดับทางธุรกิจ ตั้งแต่ขั้นตอนง่ายๆ เช่น การขายสินทรัพย์ดิจิตอลอย่างงานศิลปะและดนตรี โอกาสสำหรับสตาร์ทอับและผู้ประกอบการที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่นี้แทบจะไม่มีที่สิ้นสุด
ผลกระทบของการกระจายอำนาจเห็นชัดได้มากที่สุดในภาค Fintech การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างปลอดภัยในบัญชีแยกประเภทที่เข้ารหัสทำให้การยืนยันตัวตนรวดเร็วและมีโอกาสน้อยที่จะถูกบุกรุกโดยฉ้อฉล เนื่องจากแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) จะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและปกป้องข้อมูลจากการทุจริต
ผลกระทบของ Web3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภูมิภาคอาเซียนเปิดรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านต่างๆ ในหลายแง่มุม มีการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จำนวนมากทางออนไลน์ และเพิ่มการบริโภคความบันเทิงแบบดิจิตอลในช่วงการระบาดใหญ่ ความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ ตลอดจนระบบนิเวศทำให้ภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในตลาดชั้นนำสำหรับ Web3
ปัจจุบันรัฐบาลหลายแห่งในภูมิภาคนี้มีแผนการแปลงเป็นดิจิตอลแบบก้าวหน้า และการเปิดตัวของเทคโนโลยี 5G กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นการยอมรับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ใช้บล็อคเชน เช่น สกุลเงินดิจิตอล, DeFi, Metaverse และ NFT ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นที่จะใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่
อินโดนีเซียหนึ่งในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีอัตราการทำธุรกรรม Crypto ที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งและบริษัท Fintech ได้ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในระดับสูงของประเทศ ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2021 มีการทำธุรกรรม Cryptocurrency มากกว่า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย แม้ว่าจะมีประชากรเพียง 2.66% เท่านั้นที่เป็นเจ้าของ Cryptocurrency
สิงคโปร์แม้ว่าจะมีประชากรน้อยกว่ามาก แต่ก็เป็นหนึ่งใน 5 ประเทศอันดับต้น ๆ ของโลกในการมีส่วนร่วมของ Crypto ในปี 2021 คน 9.4% ในสิงคโปร์เป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิตอล ตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น เวียดนาม, ไทย และฟิลิปปินส์ ก็เป็นหนึ่งใน 20 ประเทศชั้นนำที่เปิดรับสกุลเงินดิจิตอล และมีแรงจูงใจสูงที่จะมีส่วนในนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Web3
ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ สตาร์ทอับในภูมิภาคเข้ามามีส่วนร่วม เมื่อระบบนิเวศใหม่พัฒนาขึ้นจะมีความชัดเจนมากที่ธุรกิจจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานได้
ภูมิภาคนี้เปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ Web3 และเทคโนโลยีในภูมิภาคยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ มีโอกาสสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยความสามารถทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึง 5G และจำนวนประชากรที่มีส่วนร่วมสูง ภูมิภาคนี้มีศักยภาพในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจขั้นสูง
ข่าวเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุด ข่าวเทคโนโลยี มือถือ ข่าวเทคโนโลยีทั่วโลก