ปี 2022 เป็นปีแห่งการละเมิดด้านความปลอดภัยออนไลน์

ปี 2022 เป็นปีแห่งการละเมิดด้านความปลอดภัยออนไลน์

การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ผู้คนจำนวนมากขึ้นจะเรียกร้องการรักษาความปลอดภัยออนไลน์, ความเป็นส่วนตัว และแม้กระทั่งการไม่เปิดเผยตัวตนในปีใหม่นี้

จากรายงานเดือนตุลาคมจากศูนย์ข้อมูลการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวที่ไม่แสวงหากำไร (ITRC) แสดงให้เห็นว่าจำนวนการละเมิดที่เกิดขึ้นถึงวันที่ 30 กันยายน 2021 ได้เกินยอดรวมของปี 2020 และนั่นเป็นเพียงรายงานการละเมิดเท่านั้น มีข้อมูลส่วนบุคคลที่มาจากการละเมิดดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งรอการถูกนำไปใช้โดยผู้ไม่หวังดีบน Dark Web

บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์คาดการณ์ว่าการละเมิดจะสูงขึ้น

บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ Lookout ได้คาดการณ์ไว้ว่าในขณะที่เรามุ่งหน้าสู่ปี 2022 โดยใช้รายงานของ ITRC และอื่นๆ รวมทั้งการสำรวจความคิดเห็นของผู้คน 2,000 คนที่ดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน เพื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนใหญ่ผลการสำรวจออกมาว่ามันดูไม่ดี

ที่บริษัทขนาดใหญ่ประสบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในปีนี้เพียงปีเดียว มีผู้ได้รับผลกระทบ 281.5 ล้านคน และ Lookout คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในปี 2022 “ผู้ไม่หวังดีจะขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินที่สำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการที่ผู้บริการมักจะยอมประนีประนอมให้ข้อมูลบัญชีออนไลน์ของตน”

ปัญหาทางด้านความปลอดภัยออนไลน์ที่เกิดจากการประนีประนอม เกิดขึ้นเมื่อผู้บริโภคยอมให้ข้อมูลการละเมิดที่เพียงพอแก่ขโมยทางไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเหยื่อใช้รหัสผ่านเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีกในบริการต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ดีกว่าคือผู้บริโภคควรใช้ตัวจัดการรหัสผ่าน ผู้คนยังยอมรับในแบบสำรวจของ Lookout ว่าจะใช้รหัสผ่านที่มีข้อมูลส่วนบุคคลฝังอยู่ เช่น วันเกิดและบ้านเกิด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ Hacker สามารถคัดลอกมาได้ง่ายๆ โดยดูจาก Social Media

ขอบคุณภาพประกอบจาก Little Red Bat

Cryptocurrency จะเป็นกระแสหลักด้านความปลอดภัยออนไลน์

ผู้ไม่หวังดีอาจใช้แผนการสลับ SIM เพื่อเข้าควบคุมหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณและสกัดกั้นรหัสการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย วัยรุ่นชาวแคนาดาคนหนึ่งถูกจับในข้อหาการใช้การโจมตีดังกล่าวเพื่อขโมยเงิน 36 ล้านดอลลาร์ในสกุลเงินดิจิทัล

อีกส่วนหนึ่งในรายงานของ Lookout คือ Cryptocurrency จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้นทางด้านความปลอดภัยออนไลน์ และนั่นหมายถึง การหลอกลวงเพื่อขโมยเงินที่บล็อกเชนทั้งหมดจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นมาในปีหน้า

ขอบคุณภาพประกอบจาก C Watch

FTC กล่าวว่าการสูญเสียโดยเฉลี่ยต่อคนจากการหลอกลวงทาง Cryptocurrency ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 ถึงพฤษภาคม 2021 อยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อคนที่รายงานการสูญเสีย แต่รวมแล้วมีมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ นั่นคือมากกว่าการสูญเสียในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 1,000%  ซึ่งผู้บริโภคควรศึกษาวิธีการหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง Cryptocurrency 

ความจริงยังมีอีกมากมายด้านความปลอดภัยออนไลน์ในรายงานของ Lookout เช่น ผู้คนไม่สามารถระบุการถูกหลอกลวงได้อย่างแท้จริง  และอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) จะเป็นเวกเตอร์สำหรับการโจมตี ในทางกลับกันในรายงานยังกล่าวถึงความต้องการความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตนว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างไร บริษัทต่างๆ อย่าง Apple และ Google ที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันสิ่งนี้ บางทีสิ่งต่างๆ อาจไม่มืดมนอย่างที่คิด