ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ทางเครือข่ายเกิดขึ้นมากมาย คุณสามารถนำความารถของเทคโนโลยีเหล่านี้มาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่ายองค์กรของคุณ
เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาส่วนใหญ่ เช่น Cloud, Mobility และ IoT นั้นเป็นศูนย์กลางการทำงานของเครือข่ายสมัยใหม่
ในการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจดิจิตอล องค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่ควรพิจารณาเพื่อปรับปรุงเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ
ขอบคุณภาพประกอบจาก MEDIUM.COM
ใช้ซอฟต์แวร์กำหนดทุกอย่างในเครือข่าย
ระบบใหม่ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์จะแยกการควบคุมออกจากข้อมูลทำให้ระบบควบคุมถูกรวมศูนย์ได้ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงทั้งเครือข่ายได้ในเวลาเกือบเรียลไทม์
ปัจจุบันมีการใช้ SD-WAN เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย เพราะการใช้ SD-WAN จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า
ส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มในการปรับปรุงศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัยมากขึ้น คือ การเปลี่ยนไปใช้ระบบ Cloud ส่วนตัว
ขอบคุณภาพประกอบจาก FMS
ใช้ AIOps (AI Operations) ในเครือข่าย
ระบบ AIOps จะช่วยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลาและสามารถแจ้งเตือนทีมปฏิบัติการเครือข่ายถึงความผิดปกติที่เล็กที่สุดที่สามารถสร้างปัญหาด้านประสิทธิภาพได้
โดยระบบ AI จำเป็นต้องเรียนรู้ หลักเกณฑ์ในการพิสูจน์ AI นั้นคือ AI ต้องทำงานได้ดีกว่าที่คนทำ เริ่มต้นด้วยการใช้ AI ในส่วนที่ท้าทายที่สุดของเครือข่ายก่อน นั่นคือ Wi-Fi และ SD-WAN และค่อยๆขยายจากจุดนั้นออกไป
ใช้ประโยชน์จาก Cloud ในเครือข่าย
การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ แม้แต่การรักษาความปลอดภัย ล้วนใช้ประโยชน์จากระบบ Cloud เพื่อให้การปรับขนาดและความคล่องตัวขององค์กรทำได้ดียิ่งขึ้น
ในช่วงต้นของวงจรที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ถูกรวมศูนย์ไว้ในตัวควบคุมภายในองค์กร แต่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ยังเสนอตัวเลือกระบบ Cloud ซึ่งสามารถให้ประโยชน์หลายประการ ประการแรก ข้อมูลทั้งหมดจากทั่วทั้งเครือข่ายสามารถรวมศูนย์ได้ โดยให้มุมมองเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้นและครบวงจร
นอกจากนี้ ระบบ Cloud ยังรองรับงานขนาดใหญ่ที่มีปริมาณงานที่ต้องใช้การประมวลผลสูง เช่น งานทางด้าน AI
ขอบคุณภาพประกอบจาก CISCO
อับเกรดเครือข่ายเป็น Wi-Fi 6, Wi-Fi 6E และ 5G
ปัจจุบันมีการใช้บริการแบบไร้สายมากมาย การเพิ่มขึ้นของข้อมูลวิดีโอความละเอียดสูงทำให้เกิดความคับคั่งอย่างมากกับเครือข่าย Wi-Fi แบบเดิม ซึ่งทำให้คุณภาพของเครือข่ายลดลง การใช้โซลูชั่นไร้สายที่ใหม่กว่านั้นดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Wi-Fi 6 สร้างขึ้นบนฐานของ Wi-Fi 5 แต่นำคุณสมบัติมากมายของระบบมาใช้เพื่อลดความแออัด ปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และขยายช่วง Wi-Fi 6E โดยใช้คลื่นความถี่ 6 GHz เพื่อการเข้าถึงที่เร็วขึ้นและความแออัดน้อยกว่า Wi-Fi 6 แต่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ Wi-Fi 5 และ Version ก่อนหน้าได้
ระบบ 5G แบบ Private จะนำความเร็ว Wi-Fi มาสู่เครือข่ายเซลลูลาร์โดยใช้มาตรฐานเช่น CBRS
การผสมผสานของเทคโนโลยีทั้งสามแบบ โดยใช้ Wi-Fi 6 สำหรับการเชื่อมต่อด้วยวัตถุประสงค์ทั่วไป ส่วนพื้นที่ที่มีลูกค้าหนาแน่นสามารถเสริมด้วย Wi-Fi 6E สำหรับ 5G แบบ Private จะใช้สำหรับกรณีการใช้งานที่มีความสำคัญมากอย่างยิ่ง
สร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่าย
วิธีการที่กำลังเติบโตในการรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรคือการฝังการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายในบริการ Cloud ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Secure Access Service Edge หรือ SASE และช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับใช้การรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรได้ทุกที่ในเครือข่าย
#ข่าวเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุด #ข่าวเทคโนโลยี #เครือข่าย