วิกฤตการเงินครั้งใหม่นอกเหนือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าปัญหาทางการเงินอื่นๆ จะเกิดตามมา ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังต่ำ หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินควรต้องจับตาดูและให้ความสนใจตลาดเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) ทั้งในประเทศและตลาดโลกมากขึ้น
หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบทางการเงินอย่างจริงจังและเร่งด่วน เมื่อพิจารณาถึงความไม่มั่นคงทางการเงินทั่วโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผันผวนของเงินดิจิตอลสกุลต่างๆ
ความพยายามของ Facebook ในการออกสกุลเงินดิจิตอลลิบรา (Libra) ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินควรรับรู้ถึงผลกระทบและตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ ลิบราส่งผลกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หนึ่งในจุดประสงค์หลักของ Facebook ในการออกลิบรา คือความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโดยที่ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด ลดความยุ่งยากของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน และเสริมศักยภาพให้กับคนทั้งโลกได้เข้าถึงบริการ
ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินควรตรวจสอบกิจกรรมของ Facebook เช่นเดียวกับระบบธนาคารกลางดำเนินการกับลิบรา หากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการที่สกุลเงินดิจิตอลอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ลิบราอาจมีอำนาจมากเกินไปจนยากจะควบคุม
หากเปรียบเทียบแผนงานของลิบรากับการเติบโตของบิทคอยน์ (Bitcoin) ในฐานะที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่สำคัญในทศวรรษที่ผ่านมา ลิบราอาจมีอำนาจมากเกินไปและคาดการไม่ได้ในอนาคต
เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของบิทคอยน์ ลิบราอาจกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่เกินกว่าจะล้มเหลว ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 190,000 ล้านดอลลาร์และมีมูลค่าของสกุลเงินดิจิตอลที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 สกุลนั้นสูงกว่าหนึ่งในสามของมูลค่าตลาดของ Facebook นอกจากนี้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันลงทุนในบิทคอยน์ หากบิทคอยน์ล้มเหลวหรือถูกควบคุมอย่างกะทันหันในลักษณะที่จำกัดการทำงานของมันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากในระบบการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย
Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือนในขณะที่บิทคอยน์มีผู้ใช้งานอยู่ทั้งหมด 7 ล้านคน เหตุการณ์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในอดีตซึ่งประสบกับภาวะล้มละลายในปี 2014 ความล้มเหลวในสมมุติฐานเดียวกันของลิบราจะมีขนาดใหญ่กว่าและอาจทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอนได้
จุดแข็งของลิบราคือมีสินทรัพย์ค้ำประกัน
จุดแข็งของลิบราที่ Facebook โฆษณา คือการเป็นเงินดิจิตอลที่มีมูลค่าคงที่ (Stable Coin) โดยลิบราจะยึดโยงกับสินทรัพย์ที่มาค้ำประกันแล้วค่อยผลิตเงินออกไปตามมูลค่านั้น เพราะฉะนั้นสินทรัพย์ของลิบราจะต้องมีความมั่นคง ผันผวนต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เพื่อประกันความเสี่ยงจากการผันผวนของสกุลเงิน
นอกจากนี้กระบวนการส่งรับเงิน ลิบราทำงานอยู่บนบล็อกเชนของตน ซึ่งเป็นระบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บและแชร์บนระบบทั้งหมด และมี Smart Contract ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันด้วยความปลอดภัยสูง
แต่เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากบิทคอยน์แล้ว ลิบราอาจมีศักยภาพในการพลิกโฉมระบบการเงินในรูปแบบที่คาดเดาไม่ได้ การเกิดขึ้นของบิทคอยน์ได้ขัดขวางความสามารถของธนาคารกลางในการควบคุมระบบการเงินโดยใช้ระบบเทคโนโลยีใหม่ที่กฎระเบียบแทบจะไม่สามารถเข้าถึงได้นั่นคือบล็อคเชน (Blockchain)
เนื่องจากระบบของลิบราไม่ถูกผูกมัดโดยระบบเศรษฐกิจของประเทศใด ๆ ในสภาพแวดล้อมของตลาดที่ไม่เสถียร ทาง Facebook ผู้พัฒนาลิบราก็โฆษณาว่าโครงการนี้คือการส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและการเงินซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มสวัสดิการผู้บริโภคและการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
#ข่าวเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุด #ข่าวเทคโนโลยี